หากเกษตรกรสามารถปฏิบัติการกรีดได้อย่างถูกวิธี คงเห็นตัวเลขผลผลิตของไทยโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 300 กิโลกรัม/ไร่/ปี เรื่องดังกล่าวเกษตรกรชาวสวนยางหลาย ๆ คนนึกไม่ถึงเลยว่า เส้นแบ่งรอยกรีดหน้า-หลัง จะสำคัญขนาดนี้ การไม่ทำเส้นรอยแบ่งกรีด หรือกรีดไม่ถึงเส้นรอยแบ่งกรีด รายได้ลดลงไร่ละนับหมื่นบาทต่อปี
ตามคำแนะนำของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร (เดิม) ได้แนะนำให้เปิดกรีดเมื่อต้นยางมีเส้นรอบวง 50 เซนติเมตร วัดจากระดับความสูง 150 เซนติเมตร จากพื้นดิน การเปิดหน้ากรีดแนะนำให้แบ่งหน้ากรีดแบบครึ่งต้น กรีดแบบ 2 วันเว้น 1 วัน โดยส่วนใหญ่เกษตรกรมักละเลยคำแนะนำ หรือไม่มีความเข้าใจหลักการ แต่การแบ่งรอยกรีดเพื่อต้องการให้สามารถเก็บเกี่ยวน้ำยางให้ได้มากที่สุด สอดคล้องกับหลักปฏิบัติทางการเกษตรดีที่เหมาะสมในการผลิตยางก้อนถ้วยมาตรฐาน GAP ของฝ่ายวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยาง โดยให้ความสำคัญของการปักมีดกรีดให้ถึงเส้นรอยแบ่งกรีด
1. ทำรอยแบ่งหน้ากรีดต้นยางออกเป็นสองส่วน หน้าและหลัง ที่ระดับความสูงจากพื้นดิน 150 ซม. ให้มีความยาวลงมา 25 - 30 ซม. โดยให้มีร่องลึกไม่ให้บาดเนื้อไม้
2. จรดมีดกรีดยางหรือวางมีดกรีด ให้เดือยของมีดกรีดอยู่กึ่งกลางรอยแบ่งครึ่งด้านหลัง
3. ตะแคงมีดออกจากลำต้นเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ตั้งมีดให้ตรง แล้วกระตุกมีดเข้าหาตัว ให้กินเปลือกไม้ความหนาไม่เกิน 2 มม. กระตุกมีดกรีดตามความยาวของหน้ากรีดทำมุม 30 องศา
การกรีดที่ห่างจากเส้นแบ่งรอยหน้าหลังระยะไม่ถึงเพียง 2 ซม. ถ้าต้นยาง 1,000 ต้น จะปักไม่ถึงท่อน้ำยางถึง 2,000 ซม. หากเส้นแบ่งรอยกรีดหน้า-หลัง มีระยะห่างโดยเฉลี่ย 25 ซม.จะทำให้กรีดไม่ถึงท่อน้ำยาง 80 ต้น คิดเป็นผลผลิตเนื้อยางแห้งที่สูญเสีย 3 กิโลกรัม หากกิโลกรัมละ 50 บาท แสดงว่าใน 13 ไร่ จะสูญเสียรายได้ไปวันละ 150 บาท ปีหนึ่งกรีดยางประมาณ 100 วัน แสดงว่าสูญเสียรายได้ปีละ 15,000 บาท หากสวนยางเพียง 1 ล้านไร่ จะสูญเสียรายได้ปีละ 1,150 ล้านบาท ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางทางภาคอีสานประมาณ 5 ล้านไร่ ปีหนึ่งจะสูญเสียรายได้ถึง 5,770 ล้านบาท ยังไม่รวมความเสียหายที่เกิดจากมุมกรีดไม่ได้ 30 องศา ซึ่งจะสูญเสียมากกว่านี้นับหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ดังนั้นเพียงเพิ่มความปราณีตและใส่ใจรายละเอียดก็สามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างง่ายดาย
เกษตรท่านใดหรือกลุ่มเกษตรกรที่มีความประสงค์จะจัดทำการผลิตยางก้อนถ้วยมาตรฐาน GAP หรือหลักเกษตรดรที่เหมาะสมสำหรับแปลงยางพารา สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการทดสอบรับรองภาคใต้ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยาง การยางแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 0 7489 4307 และศูนย์วิจัยยางบุรีรัมย์ โทรศัพท์ 0 4466 6079
เรื่อง/ภาพ : ปรีดิ์เปรม ทัศนกุล
|