วันนี้ (3 ต.ค. 2562) การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ร่วมกับบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "โครงการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานในระดับสากล มุ่งพัฒนาสวนยางตามมาตรฐาน ยกระดับและเพิ่มมูลค่าไม้ยาง - ผลิตภัณฑ์ไม้ยางแปรรูป พร้อมหาช่องทางตลาดทั้งในและต่างประเทศให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โดยมี นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รักษาการผู้ว่าการ กยท. และ นายฮิโรโนบุ อิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้แทนบริษัทฯ ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุมสถลสถานพิทักษ์ กยท. สำนักงานใหญ่
นายสุนันท์ นวลพรหมสุกุล รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า กยท. ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาและกำหนดเกณฑ์การจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานในระดับสากลมาตลอด โดยที่ผ่านมาได้จัดทำระบบมาตรฐานการจัดการสวนยางตามมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน มอก. 14061 มอก. 2861 PEFCTM และ FSCTM โดยร่วมกับสภาอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ รวมถึงสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ นอกจากนี้ กยท. ได้ยื่นขอการรับรองมาตรฐาน FSCTM ให้สวนยาง จำนวน 8,050 ไร่ โรงงานน้ำยางข้น และโรงงานแปรรูปไม้ยางของ กยท. เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบการขอรับรองมาตรฐานให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง และเปิดรับเกษตรกรที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยให้ปฏิบัติตามระบบมาตรฐานการจัดการสวนยางฯ เพื่อขอการรับรองต่อไป
รักษาการผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานในระดับสากล ในครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาและกำหนดเกณฑ์ การจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานในระดับสากลต่างๆ เช่น มาตรฐาน FSCTM, PEFCTM โดยให้เกษตรกรชาวสวนยางเข้ามามีส่วนร่วมปรับปรุง พัฒนาการจัดการสวนยางของตนเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าน้ำยางและไม้ยาง รวมไปถึงผลผลิตอื่น ๆ ในสวนยาง เช่น พืชแซมยาง พืชร่วมยาง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางอีกทางหนึ่ง โดยการนำไปจำหน่ายผ่านช่องทางตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมไม้ยางพาราและผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพาราอย่างครบวงจร ที่ยังคำนึงถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย
ด้าน นายจิรวัฒน์ สุกปลั่ง ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทน (Renewables Energy) ซึ่งเป็นธุรกิจที่จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องมาจากการตระหนักในการเปลี่ยนแปลงต่อสภาวะอากาศของโลก (Global Warming) รัฐบาลของหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก จึงมีนโยบายสนับสนุนการปรับเปลี่ยนการผลิต พลังงานไฟฟ้าจากการใช้ถ่านหิน หรือ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม สู่การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาด หนึ่งในนั้นคือ "พลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งผลิตจากชิ้นส่วนไม้เล็กๆ ที่ไม่สามารถผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้อื่นๆ ได้
"การผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีชิ้นส่วนไม้ยางที่ผ่านการรับรองภายใต้มาตรฐานการจัดการสวนยางที่ยั่งยืนเป็นวัตถุดิบที่ต้องสำรองไว้สำหรับผลิตเป็นพลังงานเชื้อเพลิง ดังนั้น บริษัทจึงเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในการทำความร่วมมือกับ กยท. อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากลในสวนยางของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ด้วย โดยทางบริษัทยินดีที่จะร่วมสนับสนุนการให้เกิดการรับรองมาตรฐานสวนยาง และจัดหาตลาดทางเลือกให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราไทย สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจยางพาราไทยต่อไป นายจิรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม
ทีมข่าวประชาสัมพันธ์ กยท.