ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์ราคายางพารามีทิศทางค่อนข้างดี เห็นได้จากราคายางเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาทะลุเพดาน 62 บาท ต่อกิโลกรัม เป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา นับว่าเป็นข่าวดีที่พอสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศได้ในระดับหนึ่ง
แม้ว่าราคายางจะมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่เกษตรกรชาวสวนยางอย่าง คุณวรรณา สุวรรณขำ บ้านเลขที่ 98/1 ม.5 ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ไม่นิ่งนอนใจ แต่กลับมองเห็นโอกาสในการ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้อย่างไม่น่าเชื่อ คุณวรรณา สุวรรณขำ เล่าว่า จากสถานการณ์ราคายางพาราที่มีความผันผวนต่อเนื่องหลายปี ทำให้ตนเองประสบปัญหาต่อรายได้ที่มาจากอาชีพการทำสวนยางพาราเพียงทางเดียว จึงเริ่มมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการประกอบอาชีพการทำสวนยาง เพื่อเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว โดยตนเองมีสวนยางที่ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยางกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในเขตรับผิดชอบของ กยท. สาขาระแงะ จึงได้ศึกษาค้นคว้าวิธีการเลี้ยงปูนาเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว โดยคุณวรรณา เริ่มทำการเพาะเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ จำนวน 10 คู่ นำมาผสมพันธุ์ และนำแม่ปูนาที่ท้องแก่พร้อมวางไข่แยกบ่อเพื่อฟักเป็นตัว จากนั้นนำลูกปูนามาอนุบาลเป็นระยะเวลา 2 เดือน และนำไปเลี้ยงต่อในบ่อ อีก 2 เดือน ก็จะสามารถคัดเลือกปูที่มีขนาดตามที่ตลาดต้องการ มาขายได้ ในราคา 80 160 บาท ต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ยังแปรรูปเป็นน้ำพริกปู ขายในราคา กระปุกละ 40 60 บาท ถือเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งถือเป็นเกษตรกรชาวสวนยางรายแรกของจังหวัดนราธิวาสที่เลี้ยงปูนาในสวนยาง
คุณวรรณา สุวรรณขำ เล่าต่อว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนพัฒนายางพารามาตรา 49 (3) จาก กยท. ในโครงการส่งเสริมสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสวนยางพาราแบบผสมผสาน จำนวน 100,000 บาท ไปติดตั้งระบบน้ำโซล่าเซลล์ใช้ในสวนผสมผสาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต ทำให้สามารถเลี้ยงปูนาในสวนยางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ลดแรงงาน ลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไรได้มากยิ่งขึ้น
"อาชีพการทำสวนยางพารายังคงสร้างรายได้ แต่เราไม่ควรพึ่งพาแค่ราคายางเท่านั้น มองหาโอกาสและลงมือทำ ต่อให้วันที่ราคายางพาราถูกลง เราก็ยังอยู่ได้ คุณวรรณา กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม