การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นำร่องโครงการ " บริหารจัดการคาร์บอนเครดิต
ในสวนยางพารา ตอบรับนโยบาย BCG MODEL เดินหน้าปี 65 นำสวนยางของ กยท.ขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อเป็นต้นแบบการจัดการคาร์บอนของสวนยางพาราในประเทศไทย
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาสภาวะอากาศ
ที่เปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทบโดยตรงต่อภาคการเกษตรทั้งในเรื่องของการเพาะปลูก ผลผลิต จนส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร ประเทศไทยซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมครอบคลุมทั่วประเทศได้รับผลดังกล่าวเช่นกัน กยท.จึงดำเนินโครงการ "บริหารจัดการ คาร์บอนเครดิตในพื้นที่สวนยางพารา หรือโครงการลดปริมาณการปล่อยหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก และสามารถนำไปซื้อขายได้ เป็นการเพิ่มรายได้จากสวนยางอีกทางหนึ่งของเกษตรกร ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย BCG MODEL ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล (Green Economy) สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ที่ได้ลงนามในพิธีสารโตเกียว (Kyoto Protocol) ในการส่งเสริมโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จัดทำมาตรฐานการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต รวมทั้งส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรอง
ผู้ว่าการ กล่าวต่อว่า โครงการ "บริหารจัดการคาร์บอนเครดิตในพื้นที่สวนยางพารา จะนำสวนยางพาราของ กยท.จำนวน 20,000 ไร่ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบเพื่อนำข้อมูล ความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดสู่เกษตรกร/สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ผู้ประกอบกิจการยาง และผู้ที่สนใจทั่วไป โดยมีการดำเนินงาน 2 ขั้นตอนคือ ในปี 2565 กยท.จะขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) และในปี 2566-2567 ดำเนินการขอรับรองคาร์บอนเครดิต เพื่อขายในตลาด CARBON MARKET ต่อไป ซึ่งจากการวิจัยในเรื่องคาร์บอนเครดิตพบว่า ยางพาราเป็นไม้ยืนต้นที่มีการกักเก็บคาร์บอนได้ดี สามารถเก็บได้ตั้งแต่อายุต้นยาง 118 ปี โดยเฉพาะในช่วง 1-5 ปีแรกก่อนเปิดกรีด เกษตรกรชาวสวนยางจะสามารถเพิ่มรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตในช่วงก่อนเปิดกรีดได้ ควบคู่กับการลดใช้ปุ๋ยเคมีและปัจจัยการผลิตต่างๆ รวมถึงลดการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต หรือการขนส่ง ที่จะส่งผลก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
กยท. จะขยายพื้นที่การดำเนินโครงการดังกล่าวให้ครอบคลุมพื้นที่สวนยางพาราทั่วประเทศ
ซึ่งปัจจุบันมีสวนยางพาราอยู่ภายใต้การดูแลของ กยท. ประมาณ 22 ล้านไร่ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมพัฒนาสู่เศรษฐกิจสีเขียวและสังคมคาร์บอนต่ำ รวมทั้งเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางอีกทางหนึ่ง
ทีมข่าวประชาสัมพันธ์ กยท