ผู้แทนไทย เยือนมาเลย์ ร่วมเจรจาขับเคลื่อนการค้า-ลงทุนอุตสาหกรรมยางพารา เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งผู้นำด้านยางพาราของโลก

          เมื่อวานนี้ (10 ก.ค. 67) คณะผู้แทนฝ่ายไทย นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีผู้แทนการค้าไทย ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย นายโกศล บุญคง รองผู้ว่าการด้านบริหาร และ น.ส.ลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เข้าพบ ดาโต๊ะ เสรี โจฮารี อับดุลกานี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเพาะปลูกและสินค้าโภคภัณฑ์มาเลเซีย และคณะผู้บริหารจาก Ministry of Plantation Industries and Commodities ตลอดจนคณะผู้บริหาร Malaysian Rubber Board เตรียมพร้อมสำหรับการลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางพารา เพื่อสร้างความเข้มแข็งในฐานะผู้นำด้านการผลิตและการส่งออกด้านยางพาราของโลก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
          ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีผู้แทนการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทยด้านการเจรจาเรื่องยางพารา กล่าวว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพ และมีมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย เล็งเห็นความสำคัญถึงความร่วมมือระหว่างประเทศและการสร้างความสัมพันธ์อันดีเพื่อพัฒนาการค้ายาง รวมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านยางพาราของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศมีผลิตภัณฑ์ที่จะต้องบังคับใช้ภายใต้กฎระเบียบ EUDR ไม่ว่าจะเป็นยางพาราหรือปาล์มน้ำมัน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยางของประเทศไทยส่วนมากจะนำเข้ากรดสเตียริก (Stearic Acid) ซึ่งมีส่วนประกอบของสารเคมีที่ผลิตจากปาล์มน้ำมัน และเป็นสารที่จำเป็นต่อกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง ในขณะที่ทางฝ่ายไทย มีการส่งออกน้ำยางข้น เพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมถุงมือยางของประเทศมาเลเซีย จึงเห็นถึงโอกาสความร่วมมือของทั้งสองประเทศในเรื่องของข้อมูลและขั้นตอนการตรวจสอบย้อนกลับตามกฎระเบียบดังกล่าว เพื่อให้ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการที่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์สู่สหภาพยุโรป มีความมั่นใจจากสินค้าที่มาจากแหล่งที่มาของทั้งสองประเทศ
          ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีผู้แทนการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายไทยในฐานะผู้นำด้านการผลิตยางระดับต้นน้ำของโลก พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมถุงมือยางของมาเลเซียให้มีความยั่งยืนในฐานะผู้นำการส่งออกของโลก และขับเคลื่อนทั้งสองประเทศให้เป็นผู้นำด้านการพัฒนายางพาราของอาเซียน สู่การเจรจาต่อรองทางการค้ากับตลาดโลกต่อไป
          ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันผลผลิตน้ำยางสดในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง เพราะมีการเปลี่ยนไปผลิตเป็นยางก้อนถ้วยเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของตลาด ดังนั้น ในฐานะที่ประเทศมาเลเซียมีเทคโนโลยีในการผลิตถุงมือ และประเทศไทยก็เป็นแหล่งผลิตน้ำยางที่สำคัญ หากทั้งสองประเทศร่วมมือกัน จะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยางพารามีความเข้มแข็งและมั่นคง ตลอดจนเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายไทย ได้เสนอนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลักดันโครงการโฉนดต้นยาง เพื่อแก้ปัญหาการตรวจสอบย้อนกลับของพื้นที่ปลูก และการขาดแคลานแรงงาน ซึ่งทางมาเลเซีย มีความสนใจและมีความประสงค์ในการแลกเปลี่ยนแนวทางดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยางพาราในระยะยาว
          สำหรับการพบปะหารือระหว่างผู้แทนไทยและมาเลเซียในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านยางพารา ซึ่งถือเป็นสินค้าทางการเกษตรที่สำคัญของทั้งสองประเทศที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืน โดยทั้งสองประเทศจะมีการลงนามความร่วมมือการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมยางพาราอย่างเป็นรูปธรรมในเร็วๆ นี้
ทีมข่าวประชาสัมพันธ์ กยท.
« Back