วันนี้ (29 พ.ค. 68) ณ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สำนักงานใหญ่ กยท. เปิดสัมมนา เสริมสร้างความรู้ - เข้าใจกระบวนการ Traceability ช่วยตรวจสอบย้อนกลับยางพาราไทย ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยมี นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. เป็นประธานเปิดงาน สร้างแรงผลักดันแก่บุคลากร กยท. หวังพัฒนาพื้นฐานศักยภาพ ตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้บริโภค สร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมยางไทยแข่งขันได้ในตลาดสากล
นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กยท. ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและติดตามผลผลิตยางพาราอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับการทำงานในทุกกระบวนการของอุตสาหกรรมยางพาราไทย โดยหลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป ได้ประกาศรายชื่อประเทศที่ได้รับการจัดกลุ่มความเสี่ยงภายใต้ระเบียบ EUDR (European Deforestation-free products Regulation) ซึ่งไทยได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศ "ความเสี่ยงต่ำ" (Low Risk) จึงเป็นผลดีและข้อได้เปรียบของผลผลิตและผลิตภัณฑ์ยางไทย กยท. จึงเดินหน้าผลักดันการสร้างการรับรู้กระบวนการตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตยางพารา (Traceability) ตลอดห่วงโซ่อุปทานแก่บุคลากรของ กยท. ทั่วประเทศ ผ่าน
"โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพนักงาน กยท. (เขต/จังหวัด/สาขา) เพื่อสร้างความรับรู้กระบวนการตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตยางพาราตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความเข้าใจในกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับยางพารา ทั้งแนวทางปฏิบัติ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง การประเมินความเสี่ยง สามารถถ่ายทอดความรู้และดำเนินงานได้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎระเบียบ EUDR ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างถูกต้อง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้ยางในตลาด ทั้งในประเทศและระดับสากล ว่าผลิตภัณฑ์ยางที่ส่งออกจากไทยปราศจากการทำลายป่า นอกจากนี้ พื้นที่สวนยางพาราไทยยังเป็นแหล่งสำคัญที่กักเก็บก๊าซคาร์บอนและช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย
นายสุขทัศน์ กล่าวต่อไปว่า กยท. กำหนดจัดงานสัมมนาฯ จำนวน 2 รุ่น ผลักดันให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค ผ่านระบบที่สามารถระบุข้อมูลได้อย่างละเอียดและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปลูก วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิต การจัดเก็บ และการจัดส่ง เพื่อนำไปถ่ายทอดแก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง ให้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมยางพาราของไทย โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) สถาบันป่าไม้แห่งยุโรป (EFI) ศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (RECOFTC) สมาคมยางพาราไทย (The Thai Rubber Association) และผู้แทนผู้ประกอบกิจการยางในประเทศ มาถ่ายทอดความรู้ที่สำคัญในครั้งนี้
"การสัมมนาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความรู้แก่บุคลากร กยท. แต่ยังส่งเสริมการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล นับเป็นการริเริ่มสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมยางไทย ตอกย้ำให้ผู้ใช้ยางในตลาดโลกมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยางพาราจากไทยมีมาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับตามมาตรฐานสากล นายสุขทัศน์ กล่าวย้ำ